Tuesday, April 9, 2013

มีคณามาส่งสาระวารีขึ้นรถตู้ไปตราดที่หน้าตึก ขณะที่หิรัณย์ก็มาที่สยามสารเพื่อพบกับไชยวัฒน์ เพื่อคุยเรื่องงานแฟชั่นการกุศล หิรัณย์ถามถึงสาวประเภทสองที่ช่วยจับคนร้ายครั้งก่อน ไชยวัฒน์หัวเราะก๊ากก่อนจะบอกความจริงว่ามีคณาไม่ใช่กะเทย หิรัณย์ตกใจ รู้สึกผิด เพราะพูดกับมีคณาแรงไปหน่อย จึงอยากจะพบเพื่อขอโทษ

ไชยวัฒน์พาหิรัณย์มาพบมีคณาแต่ไม่พบ เพราะมีคณาออกไปทำข่าวข้างนอกแล้ว ไชยวัฒน์หันไปบอกหิรัณย์ว่า จะแนะนำให้หิรัณย์รู้จักในงานแฟชั่นโชว์คืนพรุ่งนี้ และคิดว่ามีคณาคงไม่โกรธสารวัตรหิรัณย์ หลังจากรู้เรื่องราวทั้งหมดและได้รับคำขอโทษจากสารวัตรแล้ว

เอกชัยบอกคืนนี้จะมีพยาบาลพิเศษมาเฝ้าไข้ มัทนาคงหายอึดอัด แต่มัทนารู้สึกดีเพราะคิดว่าตวันไม่ไว้ใจเธอจึงต้องหาคนมาเฝ้า 24 ชั่วโมง เอกชัยบอกว่ามัทนาต้องเห็นใจตวัน เพราะเขาเจ็บมามากกับนักข่าว ทำให้ตวันหวาดระแวงและกันตัวเองออกมาจากทุกสิ่ง

“การที่เธอเข้ามาในชีวิตของปอน เหมือนทำให้เค้าได้น้องสาวกลับคืนมาอีกครั้งรู้มั้ย” มัทนาไม่เข้าใจสิ่งที่เอกชัยพูด “ถ้าเธอสังเกตสายตาและอารมณ์ของปอนดี ๆ หลายครั้งปอนจะเผลอเอ็นดูเธอเหมือนเธอคือน้องป่าน” เอกชัยสีหน้าเศร้า ๆ เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา

“น้องป่านคือน้องสาวคุณปอนเหรอคะ” เอกชัยรู้ตัวว่าไม่ควรพูดมาก จึงตัดบทและชวนคุยเรื่องอื่น ยิ่งทำให้มัทนาอยากรู้เรื่องน้องป่านมาก

สาระวารีมาที่ตลาดและโทรฯ บอกมีคณา ระหว่างที่กำลังคุยอยู่นั้น สาระวารีไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังถูกถ่ายรูปจากคนในรถคันหรูที่เธอเดินผ่าน คนขับรถหันไปส่งโทรศัพท์มือถือที่ถ่ายรูปไว้ให้เจ้านายที่นั่งหลัง ผู้ชายใส่สูทหล่อเนี้ยบอยู่หลังรถ คือษมานั่นเอง ษมายกโทรศัพท์มือถือขึ้นเช็กดูรูป หน้านิ่งขรึม ก่อนจะยกหูคุยโทรศัพท์พักหนึ่งและส่งรูปสาระวารีไปให้คนที่เขาคุยด้วย เพื่อคอนเฟิร์มว่าไม่ผิดคน

สาระวารีนั่งกินก๋วยเตี๋ยวร้านข้างทาง ษมาเดินเข้ามาขอนั่งร่วมโต๊ะด้วยโดยอ้างว่าโต๊ะอื่นเลอะ สาระวารีหยิบเป้ไปวางที่เก้าอี้ข้าง ๆ แล้วนั่งกินต่อ ประมาณว่าไม่ให้นั่ง ษมาพูดต่อว่ากลาย ๆ ว่าไม่มีน้ำใจก่อนจะเดินไปนั่งโต๊ะข้าง ๆ

“เราเคยเจอกันมาก่อนมั้ยครับ”

สาระวารีชะงักไป หันมาจ้องหน้าแล้ววางตะเกียบอย่างแรง “ก็เพราะฉันเจอมุกจีบสะเหล่อ ๆ แบบนี้ประจำไงคะ ฉันถึงต้องแล้งน้ำใจ”

“แน่ใจนะครับว่าเราไม่เคยเจอกันมาก่อนจริง ๆ” ษมาบอกหน้าตาย สาระวารีเสียงเข้ม เอาเรื่อง “ไม่เคย” คนในร้านหันมอง...ษมาทำหน้านิ่ง ไม่สะทกสะท้านอะไร สาระวารีรำคาญเรียกเก็บเงินแต่ให้เก็บที่ษมาและเดินหน้าหงิกออกจากร้านไป ษมากดโทรศัพท์มือถือโทรฯ ออก สีหน้านิ่งขรึมมองตามสาระวารีไป “เจอตัวแล้ว เอาเรื่องใช้ได้...เธอจำผมไม่ได้เลย”

สาระวารีเดินคุยมือถือกับมีคณาเข้ามาในโรงแรมที่พัก โดยไม่ได้สังเกตว่า ษมายืนมองตนเองอยู่ ก่อนที่สาระวารีจะเดินเข้าลิฟต์ไป ผู้จัดการโรงแรมเห็นษมายืนอยู่ก็ปรี่เข้ามาทักทายและเชิญไปนั่งพักที่ห้อง รับรอง

หลังจากนอนพักเอาแรงไปงีบหนึ่ง สาระวารีอาบน้ำแต่งตัวดูทะมัดทะแมง เตรียมพร้อมอุปกรณ์เพื่อสัมภาษณ์ สาระวารีกดเรียกลิฟต์ สักพักมีผู้ชายคนหนึ่งเบี่ยงตัวเข้ามาและกดลิฟต์ซ้ำ สาระวารีบ่นพึมพำว่าจะกดซ้ำทำไม ผู้ชายคนนั้นหันมาพบว่าเป็นษมานั่นเอง

ษมาทำเป็นแปลกใจที่เจอสาระวารี “อ้าว คุณ พักที่เดียวกันเหรอครับเนี่ย”

สาระวารีชักสีหน้าเซ็งใส่ “คิดว่าจะย้ายเร็ว ๆ นี้ล่ะ...ซวยจริง ๆ” ตอนท้ายบ่นเบา ๆ ลิฟต์เปิด สาระวารีรีบเดินนำเข้าไป หันหน้าเข้ามุมลิฟต์ไปเลย ไม่อยากสนทนา ษมาอมยิ้มน้อย ๆ ก่อนเดินตามเข้าไปยืนข้าง ๆ สาระวารี สาระวารีหันหน้าไปอีกทาง รำคาญ ๆ

“ออกไปหาข่าวเหรอครับ”

สาระวารีชะงักปนแปลกใจ หันมอง “คุณรู้ได้ยังไงว่าฉันเป็นนักข่าว”

“ผมเคยเห็นคุณตอนดูข่าวทีวี”

สาระวารีขยับตัวห่างเล็กน้อย ปากพึมพำ โรคจิตแหง ๆ ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงยีนแบบเนียน ๆ หาอุปกรณ์ป้องกันตัว ษมาชวนคุยต่อ “ผมสงสัยนะ ทำไมนักข่าวชอบยื่นเทปไปสัมภาษณ์แล้วหันหน้าหนีด้วย อายกล้องเป็นด้วยเหรอ เห็นชอบวิ่งตามเอากล้องเอาไมค์ไปจ่อหน้าจ่อปากคนอื่น นึกว่าจะชิน”

“แล้วคุณจะมาดูหน้านักข่าวทำไมไม่ทราบ ไปสนใจเนื้อหาที่เค้าสัมภาษณ์สิ”

“ก็เผอิญผมรู้มาว่าคนที่ผมตามหาตัวอยู่เป็นนักข่าว ก็เลยชอบสังเกต”

สาระวารีมองหน้า สีหน้ากวน ๆ จะมามุกไหนอีก ฉันชักจะหมดความอดทนแล้วนะ ษมาจ้องหน้าสาระวารี ดูตาซึ้ง ๆ เป็นประกายวิบวับ “ลองคิดดูดี ๆ ว่าเราเคยเจอกันที่ไหนมาก่อน”

สาระวารีทำท่านึกออก ษมาค่อยยิ้มออก ไม่คาดคิดสาระวารีชักมือที่แอบสวมสนับมือจากกระเป๋ากางเกงแล้ว ชกอัดเข้ากลางท้องษมาอย่างจัง สาระวารีถกแขนเสื้อ เสยผม เดินหน้าตาสะใจปนสมน้ำหน้าออกจากลิฟต์ ปล่อยให้ษมายืนตัวงอ ยกมือกุมท้องสีหน้าจุกเจ็บอยู่ในนั้น ก่อนที่ลิฟต์จะปิดสนิทไป

มัทนาเล่นหมากรุกกับเอกชัย ระหว่างนั้นก็ถามเรื่องของเขตต์ตวันไปด้วย เอกชัยบอกเพียงแต่ว่าเขาและตวันเคยกินนอน ลำบากมาด้วยกัน มัทนาว่าเอกชัยคงเป็นเด็กกำพร้าที่หลวงพ่อจำรูญเอามาเลี้ยงรุ่นแรก ๆ เอกชัยถามว่ารู้เรื่องมาจากหลวงพ่อหรือ มัทนาส่ายหน้าบอกมีแหล่งข่าวคนหนึ่งบอกมา และขอให้เอกชัยเล่าชีวิตวัยเด็กของเขตต์ตวัน

เอกชัยมองหน้ามัทนา ยิ้ม ๆ พร้อมสบตาไปถึงคนที่ยืนอยู่ข้างหลังมัทนาเล็กน้อย “ผมคงต้องตอบเหมือนหลวงพ่อ” คือให้ถามตวันก่อนว่าอยากเปิดเผยหรือไม่

มัทนาเบ้ปาก “รู้สึกเค้าจะยิ่งใหญ่ซะเหลือเกินนะคะ ไม่รู้เหมือนกันว่าเค้ามีอะไรดีนักหนา ทั้งหลวงพ่อทั้งคุณเอกถึงได้ปกป้องเค้ากันนัก”

“มีอะไรอยากรู้ก็มาถามฉันนี่”

มัทนาชะงักหันไปมองเห็นตวันยืนกอดอกพิงประตูห้องที่เปิดกว้างอยู่ ไม่รู้ว่าแอบฟังมานานแค่ไหนแล้ว “ขออภัยนะที่เข้ามาขัดความสำราญ แต่นี่ใกล้มื้อเย็นแล้วเวรทำอาหารของแก”

เอกชัยยิ้ม ๆ รีบลุกจากกระดานหมากรุก “ขอบใจมากปอน นับว่าเป็นโชคดีที่แกเข้ามาขัดจังหวะ ถ้าแพ้เกมนี้ ฉันคงต้องเสียพนันให้มัทนา ถ้าฉันแพ้แล้วต้องทำตามสัญญารับรองว่านายคงไม่พอใจเท่าไหร่

“พนันอะไรไว้” ตวันทำหน้าอยากรู้ “ความลับ” เอกชัยยิ้ม แอบไปยักคิ้วกับมัทนาอย่างรู้กัน ตวันเหล่ ๆ ไม่พอใจ เอกชัยจะเดินไป แต่หยุดก่อนจะหันมาถามมัทนาว่าอยากกินอะไรเป็นพิเศษไหม ตวันแขวะที่เอกชัยเอาอกเอาใจมัทนาจนออกนอกหน้า

มัทนาเหล่ ๆ รู้ว่าถูกแขวะรีบบอกว่าเธอเป็นคนทานง่าย ไม่ใช่คนเรื่องมากชอบหาเรื่องคนอื่น ตวันเหล่มอง เอกชัยแอบยิ้มที่ตวันถูกแขวะบ้าง

“งั้นรอแป๊บเดียว ฉันจะทำมะกะโรนีที่อร่อยที่สุดในภูเก็ตให้ทาน”

“ขอบคุณค่ะ มัทชอบทานมะกะโรนีที่สุดเลย” มัทนายิ้มหวานให้เอกชัย ตวันจับตามองเขม่น ๆ เอกชัยเดินออกไป มัทนามองตามเอกชัยยิ้มหวาน อารมณ์คิดประมาณใจดีจัง

“ทีหลังอย่ายิ้มให้คนของฉันยังงั้นอีก” ตวันพูดเสียงแข็ง มัทนาชะงัก ยิ้มค้าง หันจ้องหน้า

“คุณมีสิทธิอะไรมาสั่งห้ามฉันยิ้ม”

“ก็สิทธิของเจ้าของบ้านหลังนี้น่ะสิ...จำไว้นะมัทนา ถ้าเธอยังอยู่ในบ้านของฉัน อย่าพยายามยิ้มยั่วยวนให้เอกชัย หรือคนอื่น ๆ อีก”

0 comments:

Post a Comment