
พิแสงถามต่อลาภว่ายูเอฟทำอะไรกับลุงแก้ว ต่อลาภบอกว่าทำสัญญาร่วมทุนกัน แต่ต้องเป็นไปตามพันธสัญญาของยูเอฟ
“ร่วม??? แล้วทำไมไม่ร่วมรับผิดชอบด้วย ทำไมปล่อยให้ลุงแก้วต้องแบกภาระอยู่คนเดียว” พิแสงซัก
“มันมีรายละเอียดปลีกย่อยที่ระบุไว้ในสัญญา และหนึ่งในนั้นก็คือ..ผลผลิตที่ไม่ได้มาตรฐานของเรา...เราจะไม่รับซื้อ และคนที่ต้องรับผิดชอบก็คือเกษตรกร ลุงเค้าก็รู้จะให้บริษัทไปร่วมรับผิดชอบอีกก็ไม่ไหวนะครับ ช่วยจนไม่รู้จะช่วยยังไงแล้ว...ให้สินเชื่อทุกอย่างในอัตราดอกเบี้ยที่ ถูกกว่าแบงก์ มาสร้างโรงอีแวป ซื้อแม่พันธุ์ พ่อพันธุ์ อาหาร ยา สารพัด นายหัวก็รู้ว่าฟาร์มหมูที่ได้มาตรฐานมันต้องอาศัยอะไรบ้าง แต่ลุงแก้วไม่มีสักอย่าง เราช่วยทั้งนั้น”
พิแสงอึ้ง สีหน้าเครียดเพราะหาทางช่วยลุงแก้วไม่ได้หลังจากต่อลาภกลับไปแล้ว วาศินีเอาข้อมูลที่ต่อลาภส่งมาทางอินเทอร์เน็ตเอามาให้พิแสงดู เขมมิกกำลังเอาข้อมูลบางอย่างมาให้เช่นกัน แต่พอเห็นพิแสงอยู่กับวาศินี ท่าทางหวานแหวว ก็เกิดอาการหึงหวง ไม่ยอมเข้าไปพบชายหนุ่ม แต่พิแสงรู้ว่าเขมมิกมาหา
เขมมิกหลบมานอนตั้งสติอยู่ใกล้ ๆ ออฟ ฟิศ พิแสงเดินตามมาขัดจังหวะ เธอทำงอนใส่
“ถามอะไรหน่อยได้มั้ย” พิแสงกระซิบเบา ๆ ข้างหูเขมมิก
“อะไร....”
“เมื่อกี้...ไม่ใช่หมา แต่เป็นเธอใช่มั้ย”พิแสงทำหน้าขำขันนิด ๆ
“ใช่! ฉันเอง!”เขมมิกหมั่นไส้ผลักพิแสงออกไปทันที
“มาแอบดูชาวบ้านคุยกันทำไม” พิแสงถาม
“ไม่ได้แอบ พอดีเดินผ่านมา”
“แล้วนั่นอะไร” พิแสงชี้ไปที่ซองเอกสาร
“อ๋อ...ก็...ข้อมูลบางอย่างที่น่าสนใจ... แต่คงไม่มีประโยชน์แล้วล่ะ เพราะแขนขาของคุณจัดการให้เรียบร้อยตัดหน้าฉันไปแล้วนี่” เขมมิกจะให้พิแสงง้อ
“อาการนี้ เรียกว่างอนหรือเปล่า”
เขมมิกปฏิเสธว่าไม่ได้งอน พิแสงเลยว่าถ้าเธอไม่งอนก็ต้องหึง เขมมิกก็บอกว่าไม่ได้หึง
“งั้นก็งี่เง่าทำไม”
“ใช่ซี่!!!! กะบางคนละก็ เอ็นดูได้เอ็นดูดี ทำอะไรก็ชอบ ก็น่ารัก แต่กับฉันงี้ มีแต่คำว่างี่เง่า ประสาท...”
“ทำไมช่างประชดนักหา!”
พิแสงขยี้ผมของเขมมิกเบา ๆ เขมมิกอึ้ง ใจเต้นรัว รีบจับมือเขาออก
“ทีหลังอย่าทำแบบนี้นะ...คุณอาจจะไม่คิดอะไร...แต่อาจจะทำให้ฉันคิด”
พูดจบเขมมิกรีบหันหลังจะเดินหนี พิแสงจับมือของเขมมิกเอาไว้ เขมมิกชะงัก
“แล้วถ้าฉัน......” พิแสงเอ่ยขึ้น
เขมมิกอึ้ง สบตาพิแสงตรง ๆ ใจของเธอเต้นโครมคราม
“ฉันขอโทษ...ฉันไม่ควรทำแบบนี้กับเธอ...ที่...มีเจ้าของหัวใจแล้ว”
พิแสงรีบปล่อยมือเขมมิกแล้วเดินหนีไป เขมมิกมองตามพิแสงด้วยความเสียดาย เธอทั้งอาลัยและเจ็บใจ เพราะอยากได้ยินพิแสงบอกว่ารักเธอออกมา
หลังวาศินีโทรฯมาบอกว่าเอาข้อมูลให้พิแสงเรียบร้อยแล้ว ต่อลาภก็รีบโทรฯรายงานเสี่ยย้งเรื่องที่ไปพบกับพิแสงพร้อมกับข้อมูล...เสี่ย ย้งยิ้มพอใจ หันไปบอกกับพิทยาที่นั่งรอฟังข่าวอยู่ข้าง ๆ
“ฉันให้พี่เขยนายอ่านคู่สัญญาที่มีเนื้อความไม่เหมือนกับสัญญาตัวจริง”
“แล้วข้อมูลอื่น ๆ ล่ะ” พิทยาถาม
“คนของฉันเอางานวิจัยที่นำเสนอแต่ด้านดีถ้าทำสัญญากับยูเอฟให้ไปอ่านด้วย...บอกตรง ๆ ฉันไม่ค่อยอยากลงทุนกับพวกรู้มาก คุมยาก” ย้งบอก
“แต่ถ้าทำได้ กำไรที่เฮียจะได้รับ...มันมากกว่าพวกรายย่อยไม่รู้กี่เท่า”
“ทำไมอยากให้พี่เขยลื้อเจ๊งนักวะ”เสี่ยย้งสงสัย
“มันรักฟาร์มหมูของปู่มันมาก ไม่มีทางปล่อยให้เจ๊ง...เฮียสร้างปัญหาให้มันมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งไม่มีเวลามายุ่งกับงานสายการบิน พีบูติกจะต้องมีผมเท่านั้นที่เป็นผู้บริหาร ...ไม่ใช่มัน”
“ลื้อนี่...ไม่ใช่ธรรมดา ไม่เสียแรงที่ป๊าอั๊วรับลื้อมาเป็นลูกบุญธรรม ยังกะสายเลือดเดียวกัน”
“ร่วม??? แล้วทำไมไม่ร่วมรับผิดชอบด้วย ทำไมปล่อยให้ลุงแก้วต้องแบกภาระอยู่คนเดียว” พิแสงซัก
“มันมีรายละเอียดปลีกย่อยที่ระบุไว้ในสัญญา และหนึ่งในนั้นก็คือ..ผลผลิตที่ไม่ได้มาตรฐานของเรา...เราจะไม่รับซื้อ และคนที่ต้องรับผิดชอบก็คือเกษตรกร ลุงเค้าก็รู้จะให้บริษัทไปร่วมรับผิดชอบอีกก็ไม่ไหวนะครับ ช่วยจนไม่รู้จะช่วยยังไงแล้ว...ให้สินเชื่อทุกอย่างในอัตราดอกเบี้ยที่ ถูกกว่าแบงก์ มาสร้างโรงอีแวป ซื้อแม่พันธุ์ พ่อพันธุ์ อาหาร ยา สารพัด นายหัวก็รู้ว่าฟาร์มหมูที่ได้มาตรฐานมันต้องอาศัยอะไรบ้าง แต่ลุงแก้วไม่มีสักอย่าง เราช่วยทั้งนั้น”
พิแสงอึ้ง สีหน้าเครียดเพราะหาทางช่วยลุงแก้วไม่ได้หลังจากต่อลาภกลับไปแล้ว วาศินีเอาข้อมูลที่ต่อลาภส่งมาทางอินเทอร์เน็ตเอามาให้พิแสงดู เขมมิกกำลังเอาข้อมูลบางอย่างมาให้เช่นกัน แต่พอเห็นพิแสงอยู่กับวาศินี ท่าทางหวานแหวว ก็เกิดอาการหึงหวง ไม่ยอมเข้าไปพบชายหนุ่ม แต่พิแสงรู้ว่าเขมมิกมาหา
เขมมิกหลบมานอนตั้งสติอยู่ใกล้ ๆ ออฟ ฟิศ พิแสงเดินตามมาขัดจังหวะ เธอทำงอนใส่
“ถามอะไรหน่อยได้มั้ย” พิแสงกระซิบเบา ๆ ข้างหูเขมมิก
“อะไร....”
“เมื่อกี้...ไม่ใช่หมา แต่เป็นเธอใช่มั้ย”พิแสงทำหน้าขำขันนิด ๆ
“ใช่! ฉันเอง!”เขมมิกหมั่นไส้ผลักพิแสงออกไปทันที
“มาแอบดูชาวบ้านคุยกันทำไม” พิแสงถาม
“ไม่ได้แอบ พอดีเดินผ่านมา”
“แล้วนั่นอะไร” พิแสงชี้ไปที่ซองเอกสาร
“อ๋อ...ก็...ข้อมูลบางอย่างที่น่าสนใจ... แต่คงไม่มีประโยชน์แล้วล่ะ เพราะแขนขาของคุณจัดการให้เรียบร้อยตัดหน้าฉันไปแล้วนี่” เขมมิกจะให้พิแสงง้อ
“อาการนี้ เรียกว่างอนหรือเปล่า”
เขมมิกปฏิเสธว่าไม่ได้งอน พิแสงเลยว่าถ้าเธอไม่งอนก็ต้องหึง เขมมิกก็บอกว่าไม่ได้หึง
“งั้นก็งี่เง่าทำไม”
“ใช่ซี่!!!! กะบางคนละก็ เอ็นดูได้เอ็นดูดี ทำอะไรก็ชอบ ก็น่ารัก แต่กับฉันงี้ มีแต่คำว่างี่เง่า ประสาท...”
“ทำไมช่างประชดนักหา!”
พิแสงขยี้ผมของเขมมิกเบา ๆ เขมมิกอึ้ง ใจเต้นรัว รีบจับมือเขาออก
“ทีหลังอย่าทำแบบนี้นะ...คุณอาจจะไม่คิดอะไร...แต่อาจจะทำให้ฉันคิด”
พูดจบเขมมิกรีบหันหลังจะเดินหนี พิแสงจับมือของเขมมิกเอาไว้ เขมมิกชะงัก
“แล้วถ้าฉัน......” พิแสงเอ่ยขึ้น
เขมมิกอึ้ง สบตาพิแสงตรง ๆ ใจของเธอเต้นโครมคราม
“ฉันขอโทษ...ฉันไม่ควรทำแบบนี้กับเธอ...ที่...มีเจ้าของหัวใจแล้ว”
พิแสงรีบปล่อยมือเขมมิกแล้วเดินหนีไป เขมมิกมองตามพิแสงด้วยความเสียดาย เธอทั้งอาลัยและเจ็บใจ เพราะอยากได้ยินพิแสงบอกว่ารักเธอออกมา
หลังวาศินีโทรฯมาบอกว่าเอาข้อมูลให้พิแสงเรียบร้อยแล้ว ต่อลาภก็รีบโทรฯรายงานเสี่ยย้งเรื่องที่ไปพบกับพิแสงพร้อมกับข้อมูล...เสี่ย ย้งยิ้มพอใจ หันไปบอกกับพิทยาที่นั่งรอฟังข่าวอยู่ข้าง ๆ
“ฉันให้พี่เขยนายอ่านคู่สัญญาที่มีเนื้อความไม่เหมือนกับสัญญาตัวจริง”
“แล้วข้อมูลอื่น ๆ ล่ะ” พิทยาถาม
“คนของฉันเอางานวิจัยที่นำเสนอแต่ด้านดีถ้าทำสัญญากับยูเอฟให้ไปอ่านด้วย...บอกตรง ๆ ฉันไม่ค่อยอยากลงทุนกับพวกรู้มาก คุมยาก” ย้งบอก
“แต่ถ้าทำได้ กำไรที่เฮียจะได้รับ...มันมากกว่าพวกรายย่อยไม่รู้กี่เท่า”
“ทำไมอยากให้พี่เขยลื้อเจ๊งนักวะ”เสี่ยย้งสงสัย
“มันรักฟาร์มหมูของปู่มันมาก ไม่มีทางปล่อยให้เจ๊ง...เฮียสร้างปัญหาให้มันมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งไม่มีเวลามายุ่งกับงานสายการบิน พีบูติกจะต้องมีผมเท่านั้นที่เป็นผู้บริหาร ...ไม่ใช่มัน”
“ลื้อนี่...ไม่ใช่ธรรมดา ไม่เสียแรงที่ป๊าอั๊วรับลื้อมาเป็นลูกบุญธรรม ยังกะสายเลือดเดียวกัน”
0 comments:
Post a Comment